ความเชื่อเรื่องสัตว์สีดำ

ความเชื่อในเรื่องที่มองไม่เห็นเป็นความเชื่อที่อธิบายได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อในเรื่องความมืดว่าน่าจะมีผีแต่เมื่อพิสูจน์แล้วก็ไม่เห็นว่ามีอยู่จริง แต่คนเราก็มักจะกลัวความมืดมากกว่า
ในเรื่องของสัตว์สีดำก็เช่นกัน เป็นความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณว่าสัตว์สีดำจะให้โทษ โดยเฉพาะในเรื่องของเรื่องโชคลาง แต่ที่เชื่อกันมากเห็นจะได้แก่ความเชื่อว่าสัตว์สีดำจะมีอิทธิพลกับคนตาย โดยเฉพาะคนที่เพิ่งตายใหม่ ๆ โดยความเชื่อนี้บางคนก็บอกว่าได้เห็นมากับตาตนเองว่ามีคนที่สิ้นลมใหม่ๆ ญาตินำมาไว้ที่วัด โดยการให้นอนอยู่บนโต๊ะตั้งศพ บนศาลาไว้ศพ ยังมิได้นำใส่โลงเนื่องจากกำลังรอพระมาสวด บังเอิญมีแมวดำตัวหนึ่งมาเดินด้อมๆ มองๆ ก่อนที่จะกระโดดข้ามศพนั้นไป จะด้วยเหตุอันใดไม่ปรากฏศพที่นอนคลุมผ้าไว้ดีๆ ก็ลุกขึ้นนั่งได้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผู้คนที่มางานศพต่างตระหนกตกใจไปตามๆ กับ บ้างร้องออกมาไม่เป็นภาษามนุษย์ บ้างก็วิ่งไปตั้งหลักใต้ถุนศาลา
ศพลุกนั่งได้อย่างไร เป็นที่กังขาของหลายๆ คน เรื่องดังกล่าวเป็นที่กล่าวขานอันอยู่นาน ทำให้ร้อนถึงผู้รู้ที่ต้องการพิสูจน์ ก่อนอื่นคงต้องออกตัวก่อนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่ไม่สามารถเลียนแบบได้ และไม่ต้องการให้ใครมาแสดงความคิดเป็นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ เป็นเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมานานแล้ว ขอย้อนกลับเข้าเรื่องศพลุกนั่งได้ก็แล้วกัน ผู้รู้บอกกับทีมงานว่า เหตุที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากแมวดำมักจะมีกระแสไฟฟ้าอยู่ในตัวเองเป็นขั้วบวก ส่วนศพคนตายนั้นก็มีไฟฟ้าสถิตอยู่ในตัวเข่นกันแต่เป็นขั้วลบ ซึ่งเป็นขั้วที่ตรงข้ามกัน ครั้นเมื่อมาเจอกันจะด้วยวิธีใดก็ตามแต่สำหรับที่นี้แมวดำกระโดดข้ามศพ ซึ่งทำให้กระแสไฟฟ้าที่อยู่ในร่างของสัตว์ (แมว) กับในร่างของศพเกิดการสปาร์กซึ่งกันและกันผลก็อย่างที่เห็นได้แก่ศพลุกขึ้นนั่งได้ ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นปาฏิหาริย์ แต่ในทางวิทยาศาสตร์บอกว่าไม่น่าจะใช่ แต่เรื่องนี้ก็ได้บอกแล้วว่าไม่ต้องการพิสูจน์อะไรให้มากเรื่อง มากราวเพราะทางญาติ ๆ ของผู้ตายก็ไม่ได้ติดใจอะไร หรืออาจถือว่าเป็นเรื่องประหลาดสำหรับญาติของตนเสียด้วยซ้ำที่ตายแล้วยังลุกขึ้นมาได้อีก กลายเป็นเรื่องเล่าสำหรับเล่าให้ลูกหลานฟังได้อีกด้วยนานแสนนาน ซึ่งเป็นความเชื่ออีกอย่างของผู้คนสำหรับสัตว์สีดำ